Spread the love

กู้บ้านครั้งแรกต้องรู้อะไรบ้างรวมขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบ เข้าใจง่ายสำหรับมือใหม่

กู้บ้านครั้งแรกต้องรู้อะไรบ้างรวมขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบ เข้าใจง่ายสำหรับมือใหม่

การกู้บ้านครั้งแรกอาจเป็นเรื่องที่หลายคนกังวล เพราะมีทั้งขั้นตอน เอกสาร และเงื่อนไขที่ต้องทำความเข้าใจ แต่หากรู้ลำดับของกระบวนการและเตรียมตัวให้ถูกต้อง ก็จะช่วยให้การขอสินเชื่อบ้านเป็นไปอย่างราบรื่นและเพิ่มโอกาสในการอนุมัติได้มากขึ้น บทความนี้รวบรวมทุกสิ่งที่ผู้กู้บ้านมือใหม่ควรรู้ ตั้งแต่การเตรียมตัวเบื้องต้น ไปจนถึงวันโอนกรรมสิทธิ์ และการเริ่มต้นผ่อนบ้านอย่างมั่นใจ


1. ประเมินความสามารถในการกู้ของตัวเอง

ก่อนเริ่มมองหาบ้านหรือคอนโด สิ่งแรกที่ต้องทำคือประเมินกำลังผ่อนของตัวเอง เพื่อรู้ว่าบ้านราคาเท่าไหร่ที่เหมาะสมกับรายได้

ปัจจัยที่ธนาคารใช้พิจารณา

  • รายได้ต่อเดือน

  • ภาระหนี้สินที่มีอยู่ เช่น รถยนต์ บัตรเครดิต สินเชื่ออื่น

  • อายุงานและความมั่นคงของรายได้

  • ประวัติในเครดิตบูโร

  • อายุของผู้กู้ (ยิ่งอายุน้อย ระยะเวลาผ่อนสูงสุดจะยาวกว่า)

แนวทางคำนวณเบื้องต้น

โดยทั่วไปยอดผ่อนที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 40–50% ของรายได้ต่อเดือน

ตัวอย่าง
รายได้ 25,000 บาทต่อเดือน → ผ่อนได้ประมาณ 10,000–12,500 บาท/เดือน
เมื่อรู้ยอดผ่อนคร่าว ๆ จะทำให้ประเมินราคา “บ้านในงบที่เอื้อมไหว” ได้ง่ายขึ้น


2. ตรวจสอบเครดิตบูโรก่อนยื่นกู้

เครดิตบูโรเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลโดยตรงต่อการอนุมัติสินเชื่อ

  • หากมีประวัติค้างชำระหรือผิดนัด ธนาคารมีโอกาสปฏิเสธสูง

  • ควรตรวจสอบประวัติและชำระหนี้คงค้างให้เรียบร้อย

สามารถเช็กได้จากธนาคาร, ไปรษณีย์ไทย, หรือระบบออนไลน์เครดิตบูโร


3. เตรียมเงินสำหรับค่าใช้จ่ายวันโอน (นอกเหนือจากราคาบ้าน)

หลายคนเข้าใจผิดว่าต้องเตรียมแค่เงินดาวน์หรือค่าบ้านเท่านั้น แต่จริง ๆ ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นที่ต้องจ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์

ค่าใช้จ่ายที่พบได้บ่อย

  • ค่าโอนกรรมสิทธิ์

  • ค่าจดจำนอง

  • ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ หรืออากรแสตมป์

  • ค่าประเมินราคาบ้าน

  • ค่าบริการธนาคาร

  • ค่าธรรมเนียมของกรมที่ดิน

  • ค่าประกันอัคคีภัย (ธนาคารกำหนดให้ซื้อ)

โดยทั่วไปควรเตรียมเงินไว้เพิ่มประมาณ 3–6% ของราคาบ้าน สำหรับค่าใช้จ่ายทั้งหมด


4. เลือกบ้านหรือโครงการที่เหมาะสมกับงบประมาณ

เมื่อรู้กำลังผ่อนและค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือเลือกบ้านที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์และงบประมาณ

สิ่งที่ควรพิจารณา

  • ทำเลและการเดินทาง

  • ราคาบ้านและมูลค่าในอนาคต

  • โครงการมีนิติบุคคลหรือไม่

  • คุณภาพวัสดุ งานก่อสร้าง

  • ค่าส่วนกลางรายปี (ถ้ามี)

  • สภาพแวดล้อมของชุมชน


5. เตรียมเอกสารยื่นกู้ให้ครบถ้วน

การเตรียมเอกสารให้ครบช่วยให้ธนาคารพิจารณาเร็วและมีโอกาสอนุมัติมากขึ้น

เอกสารที่ใช้สำหรับพนักงานประจำ

  • สำเนาบัตรประชาชน

  • สำเนาทะเบียนบ้าน

  • สลิปเงินเดือน 3–6 เดือน

  • หนังสือรับรองเงินเดือน

  • สเตทเมนท์ย้อนหลัง 6 เดือน

เอกสารสำหรับผู้ประกอบการ / ฟรีแลนซ์

  • รายการเดินบัญชี 6–12 เดือน

  • ภ.พ.30 หรือเอกสารแสดงรายได้

  • หนังสือจดทะเบียนบริษัท (ถ้ามี)

เอกสารเกี่ยวกับบ้าน

  • สัญญาจะซื้อจะขาย

  • ใบจอง ใบเสร็จค่าทำสัญญา

  • โฉนด (สำหรับบ้านมือสอง)

  • หนังสือรับรองบริษัทผู้ขาย (หากซื้อจากโครงการ)


6. ขั้นตอนที่ธนาคารจะทำหลังยื่นกู้

หลังจากส่งเอกสาร ธนาคารจะดำเนินการตามนี้

6.1 ตรวจสอบรายได้และเครดิต

เพื่อประเมินความเสี่ยงและความสามารถในการผ่อนของผู้กู้

6.2 ประเมินราคาบ้านหรือคอนโด

ธนาคารจะส่งเจ้าหน้าที่ไปประเมินมูลค่าจริง
หากราคาประเมินต่ำกว่าราคาขาย ผู้กู้อาจต้องจ่ายส่วนต่างเอง

6.3 แจ้งผลอนุมัติ

หากอนุมัติ ธนาคารจะระบุ

  • วงเงินกู้

  • ดอกเบี้ยปีแรกและปีถัดไป

  • ระยะเวลาผ่อน

  • เงื่อนไขเพิ่มเติม


7. ทำสัญญากู้ และนัดโอนกรรมสิทธิ์

หลังได้รับอนุมัติ จะมีการนัดทำสัญญากู้ที่ธนาคาร

รายละเอียดที่ควรตรวจสอบในสัญญา

  • อัตราดอกเบี้ย

  • ค่างวดรายเดือน

  • เงื่อนไขดอกเบี้ยลอยตัว

  • ค่าปรับกรณีปิดยอดก่อนกำหนด

  • ระยะเวลาผ่อนทั้งหมด

อ่านสัญญาให้ละเอียดเพื่อป้องกันภาระที่อาจเกิดขึ้นภายหลัง


8. วันโอนกรรมสิทธิ์ที่กรมที่ดิน

เมื่อถึงวันโอน จะมีทั้งผู้ขาย ผู้ซื้อ และเจ้าหน้าที่ธนาคารเข้าดำเนินการร่วมกัน

ขั้นตอนในวันโอนประกอบด้วย

  • ชำระค่าโอนและค่าใช้จ่ายทั้งหมด

  • ลงนามในเอกสารโอนกรรมสิทธิ์

  • ธนาคารจดจำนองบ้านตามวงเงินกู้

  • ผู้ซื้อรับโฉนดบ้าน (ที่มีตราจดจำนองกับธนาคาร)

เสร็จเรียบร้อยก็ถือว่าเป็น “เจ้าของบ้านอย่างสมบูรณ์ตามกฎหมาย”


9. เริ่มต้นผ่อนบ้านและการบริหารหนี้อย่างถูกวิธี

หลังย้ายเข้าบ้านหรือถือกรรมสิทธิ์แล้ว การบริหารหนี้ให้ดีคือสิ่งสำคัญ

เคล็ดลับการผ่อนบ้านสำหรับมือใหม่

  • ผ่อนตรงเวลาทุกงวดเพื่อรักษาเครดิต

  • หากมีเงินก้อน ควรโปะเพื่อลดเงินต้นและดอกเบี้ยรวม

  • พิจารณารีไฟแนนซ์หลังผ่อนประมาณ 3 ปี เพื่อลดดอกเบี้ย

  • มีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินอย่างน้อย 3–6 เดือนของค่างวด


สรุป

กู้บ้านครั้งแรกอาจดูเป็นขั้นตอนที่ซับซ้อน แต่หากเข้าใจลำดับทั้งหมด ตั้งแต่ประเมินกำลังผ่อน ตรวจเครดิต เตรียมเอกสาร ยื่นกู้ ประเมินราคา ทำสัญญา และโอนกรรมสิทธิ์ จะช่วยให้คุณจัดการทุกอย่างได้อย่างมั่นใจและมีโอกาสกู้ผ่านมากขึ้น

การเตรียมตัวให้พร้อมคือหัวใจสำคัญที่จะทำให้คุณก้าวสู่การเป็นเจ้าของบ้านหลังแรกได้อย่างราบรื่นและไม่มีปัญหาในอนาคต

สนใจโครงการบ้านติดต่อเรา : www.phitsanulok-property.com


Spread the love

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save